การใส่ Apple Watch ในชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับหลายคน แต่เมื่อต้องเจอกับน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ Apple Watch เล่นน้ำ ว่ายน้ำในสระ เล่นน้ำทะเล ออกกำลังกายแบบแอควอเทค หรือแม้แต่ฝนตกหนัก หลายคนก็เริ่มกังวลว่า Apple Watch ของตนจะทนทานพอหรือไม่ ความจริงแล้ว Apple Watch มีความสามารถในการทนน้ำได้ค่อนข้างดี แต่การใช้งานอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพให้คงอยู่ได้นานขึ้น
ทำความเข้าใจระดับความทนน้ำของ ⌚️ Apple Watch แต่ละรุ่น
Apple Watch Series 1 และรุ่นแรก
Apple Watch รุ่นแรกและ Series 1 มีความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ IPX7 ตามมาตรฐาน IEC 60529 ซึ่งหมายความว่าสามารถทนการแช่น้ำในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ว่ายน้ำหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นเวลานาน
Apple Watch Series 2 ถึงรุ่นล่าสุด
เริ่มตั้งแต่ Series 2 เป็นต้นไป Apple Watch ได้รับการอัปเกรดให้มีความทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 ทำให้สามารถใช้ว่ายน้ำในสระหรือทะเลได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
Apple Watch Ultra – นาฬิกาสำหรับผู้รักการผจญภัย
Apple Watch Ultra ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย มีความทนน้ำสูงถึง 100 เมตร ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 และยังเป็นไปตามมาตรฐาน EN13319 ทำให้สามารถใช้ได้กับกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลายมากขึ้น
ความสามารถในการทนฝุ่น
นอกจากความทนน้ำแล้ว Apple Watch Series 7 รวมถึงรุ่นที่ใหม่กว่า และ Apple Watch Ultra ยังมีความสามารถในการป้องกันฝุ่นที่ระดับ IP6X ซึ่งช่วยปกป้องเครื่องจากการเข้าของฝุ่นละอองขนาดเล็ก
5 ข้อแนะนำสำคัญสำหรับการใส่ Apple Watch เล่นน้ำ
1. หลีกเลี่ยงน้ำที่มีสารเคมีและสารเจือปน


การใช้ Apple Watch ในน้ำที่มีสารเคมีเจือปน เช่น คลอรีนในสระน้ำ น้ำทะเลที่มีเกลือ สบู่ แชมพู หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการกันน้ำในระยะยาว สารเคมีเหล่านี้อาจทำปฏิกิริยากับวัสดุของตัวเครื่องหรือส่วนประกอบของซีลกันน้ำ
เมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ควรล้างน้ำสะอาดทันทีหลังการใช้งาน และเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสะสมของสารตกค้างที่อาจสร้างความเสียหายได้
2. ระวังสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้าไปในช่องลำโพงและไมโครโฟน


ผงฝุ่น ทราย หรือสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในน้ำ อาจแทรกซึมเข้าไปในช่องลำโพงหรือรูไมโครโฟนของ Apple Watch ได้ หากสิ่งเหล่านี้สะสมมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพเสียงหรือการทำงานของไมโครโฟน
ดังนั้น หลีกเลี่ยงการใช้งานในบริเวณที่มีทรายหรือตะกอนมาก และควรล้างทำความสะอาดอย่างนุ่มนวลหลังการใช้งาน โดยใช้น้ำสะอาดและผ้านุ่มเช็ดบริเวณรอบ ๆ ช่องเหล่านี้
3. หลีกเลี่ยงแรงกระแทกและแรงดันน้ำสูง


แม้ว่า Apple Watch จะมีความทนทานต่อน้ำได้ดี แต่แรงกระแทกหรือแรงดันน้ำที่สูงมาก อาจส่งผลกระทบต่อระบบการกันน้ำได้ กิจกรรมที่ควรระวัง ได้แก่ การกระโดดน้ำจากที่สูง การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง หรือการดำน้ำลึก
การเล่นกีฬาทางน้ำที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง เช่น เจ็ตสกี เรือเร็ว หรือ wakeboarding ก็ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากแรงกระแทกของน้ำอาจส่งผลต่อชิ้นส่วนภายในหรือทำให้ประสิทธิภาพการกันน้ำลดลง
4. วิธีการดูแลที่ถูกต้องหลังการสัมผัสน้ำ


เมื่อ Apple Watch เปียกน้ำ การดูแลอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก ใช้ผ้าที่นุ่มและสะอาดซับน้ำให้แห้งทันที โดยเฉพาะบริเวณรอบตัวเครื่อง สายนาฬิกา และช่องต่าง ๆ
หลีกเลี่ยงการใช้ลมแรง ลมร้อน หรือเครื่องเป่าผมในการทำให้แห้ง เนื่องจากความร้อนและแรงลมอาจผลักดันให้น้ำซึมลึกเข้าไปในตัวเครื่องมากขึ้น การเขย่าเครื่องอย่างแรงเพื่อไล่น้ำก็ไม่แนะนำเช่นกัน เพราะอาจทำให้น้ำกระจายไปยังส่วนที่ไม่ควรเปียก
5. การใช้งาน Water Lock Feature อย่างถูกต้อง


Water Lock เป็นฟีเจอร์พิเศษของ Apple Watch ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำ การเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้จะช่วยป้องกันการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจขณะอยู่ในน้ำ
วิธีการเปิดใช้งาน Water Lock ทำได้โดยการปัดขึ้นจากหน้าจอเพื่อเข้า Control Center จากนั้นแตะที่ไอคอนหยดน้ำ หลังจากเล่นน้ำเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Digital Crown ค้างไว้เพื่อปิดการใช้งาน Water Lock และเปิดใช้งานระบบไล่น้ำออกจากลำโพง
ระบบไล่น้ำนี้จะใช้เสียงความถี่สูงในการผลักดันน้ำที่อาจตกค้างอยู่ในลำโพงออกมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Apple Watch ที่ช่วยรักษาคุณภาพเสียงและลดความชื้นภายในเครื่อง
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการดูแล Apple Watch
การเลือกสายนาฬิกาที่เหมาะกับการใช้งานในน้ำ
สายนาฬิกาแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการใช้งานในน้ำที่แตกต่างกัน สาย Sport Band และ Sport Loop ที่ทำจากยางซิลิโคนหรือไนลอนจะเหมาะสมกับการใช้งานในน้ำมากที่สุด เนื่องจากแห้งเร็วและไม่ดูดซับน้ำ
สายหนังแท้ สายโลหะบางประเภท หรือสายผ้าอาจไม่เหมาะสมกับการใช้งานในน้ำเป็นประจำ เนื่องจากอาจเกิดการเสื่อมสภาพ กลิ่นอับ หรือการเปลี่ยนสีได้
การตรวจสอบสถานะความทนน้ำ
แม้ว่า Apple Watch จะมีความทนน้ำที่ดี แต่ความสามารถนี้อาจลดลงตามกาลเวลาและการใช้งาน การตรวจสอบสถานะความทนน้ำควรทำเป็นประจำ โดยสังเกตจากสัญญาณผิดปกติ เช่น หน้าจอมีหยดน้ำภายใน เสียงลำโพงเบา หรือการทำงานผิดปกติหลังการสัมผัสน้ำ
หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรหยุดการใช้งานในน้ำทันทีและพิจารณาการตรวจสอบหรือซ่อมแซมจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ความคุ้มครองจาก AppleCare+ กรณีน้ำเข้าเครื่อง
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น น้ำเข้าเครื่องจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ผู้ที่มี AppleCare+ จะได้รับความคุ้มครองสำหรับการซ่อมแซมในราคาที่สมเหตุสมผล
AppleCare+ คือบริการประกันเสริมของ Apple ที่ช่วยคุ้มครองอุปกรณ์จากอุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงกรณีน้ำเข้าที่เกิดจากการใช้งานผิดปกติ การตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขต่าง ๆ สามารถทำได้ผ่าน Apple Support หรือที่ศูนย์บริการ Apple ใกล้บ้าน
รุ่น Apple Watch | ระดับความทนน้ำ | มาตรฐาน | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|---|
Series 1 และรุ่นแรก | IPX7 | IEC 60529 | การใช้งานทั่วไป, ฝนตก |
Series 2-8 | 50 เมตร | ISO 22810:2010 | ว่ายน้ำ, กีฬาน้ำทั่วไป |
Series 9-10 | 50 เมตร | ISO 22810:2010 | ว่ายน้ำ, กีฬาน้ำทั่วไป |
Ultra | 100 เมตร | ISO 22810:2010 + EN13319 | กีฬาน้ำขั้นสูง, ดำน้ำ |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Apple Watch สามารถใส่ว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีนได้หรือไม่?
ได้ครับ Apple Watch Series 2 ขึ้นไปสามารถใส่ว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีนได้ แต่ควรล้างน้ำสะอาดทันทีหลังการใช้งานเพื่อป้องกันการสะสมของสารเคมี และเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม การดูแลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของนาฬิกา
Water Lock ทำงานอย่างไรและจำเป็นต้องใช้ทุกครั้งหรือไม่?
Water Lock เป็นฟีเจอร์ที่ล็อกหน้าจอเพื่อป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจขณะอยู่ในน้ำ แนะนำให้ใช้ทุกครั้งที่เล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย เมื่อเสร็จแล้วให้กด Digital Crown ค้างไว้เพื่อปิดการใช้งานและเปิดระบบไล่น้ำจากลำโพง
หาก Apple Watch เปียกน้ำแล้วหน้าจอไม่ตอบสนอง ควรทำอย่างไร?
ให้เช็ดตัวเครื่องให้แห้งด้วยผ้านุ่ม จากนั้นลองกด Digital Crown ค้างไว้เพื่อเปิดระบบไล่น้ำ หากยังไม่ตอบสนอง ให้วางไว้ในที่แห้งและระบายอากาศดีประมาณ 24 ชั่วโมง หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรติดต่อศูนย์บริการ Apple
Apple Watch รุ่นเก่าสามารถอัปเกรดความทนน้ำได้หรือไม่?
ไม่ได้ครับ ความสามารถในการทนน้ำเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมากับฮาร์ดแวร์ของแต่ละรุ่น ไม่สามารถอัปเกรดผ่านซอฟต์แวร์ได้ หากต้องการความทนน้ำที่สูงขึ้น จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า
สายนาฬิกาแบบไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นน้ำ?
Sport Band (สายยาง) และ Sport Loop (สายไนลอน) เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นน้ำ เนื่องจากแห้งเร็วและไม่ดูดซับน้ำ ควรหลีกเลี่ยงสายหนังหรือสายโลหะบางประเภทที่อาจเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสน้ำบ่อย ๆ
สรุป การใช้ Apple Watch เล่นน้ำอย่างปลอดภัย
การใส่ Apple Watch ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นเรื่องปกติและปลอดภัยหากทำอย่างถูกวิธี การทำความเข้าใจระดับความทนน้ำของรุ่นที่คุณใช้ การปฏิบัติตาม 5 ข้อแนะนำที่เราได้กล่าวไว้ และการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Apple Watch ได้อย่างเต็มศักยภาพในทุกสถานการณ์
สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันดีกว่าแก้ไข การใช้ Water Lock ทุกครั้งที่เล่นน้ำ การล้างทำความสะอาดหลังการใช้งาน และการหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่อาจสร้างความเสียหาย จะช่วยยืดอายุการใช้งานของ Apple Watch ของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ
หากคุณกำลังพิจารณาซื้อ Apple Watch รุ่นใหม่เพื่อใช้กับกิจกรรมทางน้ำ หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษา แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์บริการ Apple หรือร้านค้าที่ได้รับการรับรองเพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ