Apple Intelligence คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเรื่องใหญ่ในปี 2025?
► Apple Intelligence คืออะไร ?
Apple Intelligence เป็นเทคโนโลยี AI อัจฉริยะที่ Apple พัฒนาขึ้นมาเพื่อยกระดับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ Eco system ของ Apple เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple Vision Pro โดย Apple Intelligence ไม่เพียงแค่ช่วยให้ Siri ฉลาดขึ้น แต่ยังสามารถทำงานร่วมกับแอปต่างๆ ได้อย่างราบรื่น วิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์พฤติกรรมของผู้ใช้ และช่วยให้การทำงานในชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
► ความแตกต่างระหว่าง Apple AI กับ AI ทั่วไป
แม้ว่า Apple Intelligence จะเป็นระบบ AI คล้ายกับ Google Gemini หรือ ChatGPT แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือแนวทางการออกแบบที่ ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว (Privacy-first AI) และ การทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ของ Apple ได้อย่างแนบเนียน โดย Apple Intelligence จะประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์ (On-device Processing) มากกว่าการพึ่งพาคลาวด์ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและสามารถทำงานได้รวดเร็วโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
► ทำไม Apple ถึงพัฒนา AI ของตัวเอง ?
Apple มีแนวทางที่แตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เน้นพัฒนา AI บนคลาวด์เป็นหลัก Apple เชื่อว่าผู้ใช้ควรได้รับประสบการณ์ AI ที่เป็น ส่วนตัว ปลอดภัย และรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล การพัฒนา Apple Intelligence จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ได้อย่างมั่นใจบนอุปกรณ์ Apple โดยตรง
► ข้อดีของ Apple AI ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
Apple Intelligence มาพร้อมข้อได้เปรียบที่ทำให้แตกต่างจาก AI อื่นๆ ในตลาด ได้แก่
- การประมวลผลบนอุปกรณ์ (On-device AI) – ไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
- ความเป็นส่วนตัวสูง (Privacy-first AI) – Apple มีมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด ป้องกันข้อมูลรั่วไหล
- ใช้งานกับอุปกรณ์ Apple อย่างสมบูรณ์ – รองรับการใช้งานกับ iOS, iPadOS, macOS และ watchOS ได้อย่างราบรื่น
- Siri ที่ฉลาดขึ้น – สามารถเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อน ตอบโต้แบบธรรมชาติ และวิเคราะห์บริบทได้ดีขึ้น
- AI ที่ช่วยในแอปต่าง ๆ – เช่น การแนะนำข้อความใน iMessage, การแก้ไขรูปภาพด้วย AI บน Photos และการช่วยสร้างเอกสารอัตโนมัติ


Apple Product รุ่นไหนที่รองรับ Apple Intelligence บ้าง?
รวม iPhone รุ่นที่รองรับ AI
สำหรับ iPhone รุ่นที่รองรับการทำงานของ Apple AI จะประกอบด้วยรุ่นที่ใช้ชิป A18 Pro, A18 และ A17 Pro ดังนี้


รับดีล iPhone ราคาพิเศษ > คลิกเลย
รวม iPad รุ่นที่รองรับ AI
สำหรับ iPad รุ่นที่รองรับการทำงานของ Apple AI นั้นจะเป็นรุ่นที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไป และรุ่นที่ใช้ชิป A17 Pro


iPad รุ่นที่วางขายในปัจจุบัน
• iPad Pro ชิป M4 (ปี 2024)
• iPad Air ชิป M2 (ปี 2024)
• iPad mini A17 Pro (ปี 2024)
• iPad Pro ชิป M2 (ปี 2022)
• iPad Pro ชิป M1 (ปี 2021)
• iPad Air ชิป M1 (ปี 2022)
• iPad mini A17 Pro (ปี 2024)
รับดีล iPad ราคาพิเศษ > คลิกเลย
รวม Mac รุ่นที่รองรับ AI
สำหรับ Mac รุ่นที่รองรับการทำงานของ Apple AI นั้นจะเป็นรุ่นที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไป


Mac รุ่นที่วางขายในปัจจุบัน
• MacBook Pro ชิป M4 (ปี 2024)
• iMac ชิป M4 (ปี 2024)
• Mac mini ชิป M4 (ปี 2024)
• MacBook Air ชิป M3 (ปี 2024)
• MacBook Air ชิป M2 (ปี 2022)
• MacBook Air ชิป M3 (ปี 2020)
MacBook Pro
• MacBook Pro ชิป M3 (ปี 2023)
• MacBook Pro ชิป M2 (ปี 2023)
• MacBook Pro ชิป M1 (ปี 2021)
iMac
• iMac ชิป M3 (ปี 2023)
• iMac ชิป M1 (ปี 2021)
Mac mini
• Mac mini ชิป M2 (ปี 2023)
• Mac mini ชิป M1 (ปี 2020)
Mac Studio
• Mac Studio ชิป M2 (ปี 2023)
• Mac Studio ชิป M1 (ปี 2022)
Mac Pro ชิป M2 (ปี 2023)
รับดีล Mac ราคาพิเศษ > คลิกเลย
Apple Intelligence ทำอะไรได้บ้าง ? ฟีเจอร์เด่นที่คุณต้องรู้
Apple Intelligence ไม่ใช่แค่ AI ทั่วไป แต่เป็นระบบอัจฉริยะที่ออกแบบมาให้ทำงานได้ลื่นไหลกับอุปกรณ์ Apple โดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในหลายด้าน ตั้งแต่ผู้ช่วยอัจฉริยะ Siri ที่ฉลาดขึ้น การสื่อสารที่ง่ายขึ้นด้วย AI ใน iMessage และ Mail ไปจนถึงฟีเจอร์การแก้ไขรูปภาพและวิดีโอด้วย AI รวมถึงการช่วยวิเคราะห์สุขภาพบน Apple Watch นี่คือฟีเจอร์เด่นที่คุณต้องรู้!
Apple Intelligence ใช้งานเฉพาะภาษาที่กำหนด
ภาษาอังกฤษ (ออสเตรเลีย), อังกฤษ (แคนาดา), อังกฤษ (ไอร์แลนด์), อังกฤษ (นิวซีแลนด์), อังกฤษ (แอฟริกาใต้), อังกฤษ (สหราชอาณาจักร) และอังกฤษ (สหรัฐอเมริกา)
Smart Siri – ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ฉลาดขึ้น
Siri กำลังจะเปลี่ยนโฉม จากเดิมที่ Siri อาจตอบคำถามง่ายๆ และสั่งงานพื้นฐานได้ วันนี้ Siri จะเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้น วิเคราะห์บริบทของผู้ใช้ได้ดีขึ้น และรองรับการควบคุมแอปพลิเคชันต่างๆ ได้มากขึ้น ทำให้การใช้งาน iPhone, iPad และ Mac เป็นไปอย่างราบรื่น
เข้าใจคำสั่งซับซ้อนมากขึ้น – Siri สามารถเข้าใจคำสั่งที่มีหลายขั้นตอน เช่น “ตั้งนาฬิกาปลุกตอน 6 โมงเช้า แล้วส่งข้อความบอกเจ้านายว่าฉันจะไปทำงานสาย” (ต้องออกคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษ)
คาดการณ์การใช้งานของผู้ใช้ – Siri สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของคุณ เช่น ถ้าคุณฟังเพลงก่อนนอน Siri อาจแนะนำเพลย์ลิสต์ที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ
รองรับการควบคุมแอปของบุคคลที่สาม – ไม่จำกัดแค่แอปของ Apple แต่สามารถสั่งงานแอปอื่นๆ เช่น WhatsApp, Spotify หรือ Google Drive ได้ด้วย
Apple Intelligence ใน iMessage และ Mail
ทำให้การส่งข้อความและอีเมลฉลาดขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบ AI ที่สามารถช่วยตอบข้อความ วิเคราะห์เนื้อหาอีเมล และคาดการณ์คำตอบที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้
ตอบข้อความอัตโนมัติด้วย AI – ระบบสามารถสร้างข้อความตอบกลับอัตโนมัติที่ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับบริบท
วิเคราะห์อีเมลและสร้างสรุปอัตโนมัติ – AI สามารถอ่านและสรุปอีเมลยาวๆ ให้สั้นลง เพื่อให้คุณเข้าใจเนื้อหาหลักได้เร็วขึ้น
คาดการณ์คำตอบแบบ Smart Reply – เสนอคำตอบอัจฉริยะให้เลือกใช้ เช่น “โอเค!”, “เดี๋ยวฉันเช็คให้”, “ขอบคุณมาก!”
คุณสมบัติสุดล้ำที่ช่วยให้การใช้งาน iPhone, iPad และ Mac ฉลาดขึ้นกว่าเดิม


เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การใช้งาน iPhone, iPad และ Mac เป็นไปอย่าง ลื่นไหล อัจฉริยะ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ iOS 18.3, iPadOS 18.3 และ macOS Sequoia 15.3 เป็นต้นไป มาดูกันว่ามีอะไรใหม่บ้าง!
🎨 AI สร้างภาพ & ตกแต่งรูปอัตโนมัติ
• Genmoji – เปลี่ยนอีโมจิธรรมดาให้เป็นเวอร์ชันที่ปรับแต่งได้ตามสไตล์คุณ
• Image Playground – ฟีเจอร์สร้างภาพจากข้อความที่ช่วยให้คุณออกแบบภาพสุดสร้างสรรค์ได้ในพริบตา
• ไม้เสกภาพในแผงเครื่องมือ Apple Pencil – ใช้ Apple Pencil แค่ลากเส้น AI ก็ช่วยเติมเต็มรายละเอียดของภาพให้สมบูรณ์
• เครื่องมือการเขียน – AI ช่วยปรับแต่งและตรวจสอบข้อความให้ดูเป็นธรรมชาติและสละสลวยยิ่งขึ้น
• ล้างในแอปรูปภาพ – รีทัชภาพอย่างชาญฉลาด ลบสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้ง่ายๆ
• สร้างภาพยนตร์ความทรงจำในแอปรูปภาพ – ให้ AI เลือกช่วงเวลาสำคัญ และสร้างเป็นวิดีโอไฮไลต์ให้คุณโดยอัตโนมัติ
• การค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติในแอปรูปภาพ – ค้นหารูปภาพง่ายขึ้น แค่พิมพ์คำบรรยาย เช่น “รูปถ่ายริมทะเลเมื่อปีที่แล้ว”
🔔 AI จัดการการแจ้งเตือน & จดหมายอัจฉริยะ
• สรุปการแจ้งเตือน – AI รวบรวมและสรุปการแจ้งเตือนที่สำคัญให้คุณอ่านง่ายขึ้น ไม่พลาดสิ่งที่สำคัญ
• โฟกัสแบบลดการรบกวน – ปิดกั้นสิ่งรบกวนอัตโนมัติ เช่น การแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นในเวลาทำงาน
• การคัดกรองและการปิดเสียงที่ชาญฉลาด – AI วิเคราะห์และช่วยกรองสายเรียกเข้าหรือข้อความที่อาจไม่สำคัญ
• ข้อความที่มีความสำคัญในแอปเมล – แยกอีเมลสำคัญออกจากโฆษณาหรือสแปมอัตโนมัติ
• การตอบกลับอัจฉริยะในแอปเมลและข้อความ – แนะนำข้อความตอบกลับอัตโนมัติที่เหมาะสมกับบริบท
• สรุปในแอปเมลและข้อความ – AI วิเคราะห์และย่อเนื้อหาอีเมลหรือข้อความยาวๆ ให้เหลือเฉพาะจุดสำคัญ
🗣 Siri ที่ฉลาดขึ้น & การรวม AI จาก ChatGPT
✅ Siri โฉมใหม่ – ฉลาดและเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
• เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น
• มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Apple ลึกขึ้น ตอบคำถามเกี่ยวกับฟีเจอร์และการตั้งค่าได้แม่นยำ
• หน้าตาใหม่ ดูเป็นธรรมชาติและโต้ตอบได้เร็วขึ้น
• สามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ แทนการสั่งด้วยเสียง
✅ การผสานรวม ChatGPT ภายใน Siri และเครื่องมือการเขียน
• Siri สามารถใช้ ChatGPT ช่วยตอบคำถามที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก
• AI ช่วยปรับแต่งและสร้างเนื้อหาในเครื่องมือการเขียนของ Apple ได้แม่นยำขึ้น
🚀 ฟีเจอร์ใหม่กำลังมาเร็วๆ นี้!
Apple ยืนยันว่าจะมี การอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการสร้างคอนเทนต์อัตโนมัติ หรือการปรับแต่ง AI ให้ทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น
Tags: AI, Apple Intelligence, iPad, iPhone, Mac