การดูแลรักษา iPhone อย่างถูกวิธีจะช่วยให้เรายืดอายุการใช้งานได้อีกหลายปี ลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมหรือการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่อยู่บ่อยครั้ง มาเรียนรู้วิธีง่าย ๆ แต่ได้ผล เพื่อให้ iPhone ของคุณยังคงใช้งานได้ดีและดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ
1. ดูแลแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้น
การดูแลแบตเตอรี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ iPhone ของคุณใช้งานได้ยาวนานอย่างแท้จริง
เคล็ดลับการชาร์จแบตเตอรี่
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ตลอดเวลา ควรชาร์จในช่วง 20-80% เพื่อลดการเสื่อมสภาพ
- อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดถึง 0% เพราะการใช้แบตเตอรี่จนหมดบ่อย ๆ จะทำให้เซลล์แบตเตอรี่เสียหาย และเสื่อมไว
- เปิดการตั้งค่า “การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่” ใน iPhone (ตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ > “การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่”) ฟีเจอร์การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งาน โดยจะลดระยะเวลาที่ iPhone ชาร์จจนเต็ม 100% เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ iPhone จะชะลอการชาร์จในบางสถานการณ์เมื่อแบตเตอรี่เกิน 80% ระบบจะใช้การเรียนรู้จากการใช้งานในแต่ละวันเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการชาร์จ และจะเริ่มทำงานเฉพาะในกรณีที่คาดว่า iPhone จะเชื่อมต่อกับที่ชาร์จเป็นเวลานาน
2. หลีกเลี่ยงความร้อน
การใช้งาน iPhone ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ใต้แสงแดดจัด หรือการใช้งานขณะชาร์จอุปกรณ์ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวและทำให้อุปกรณ์ทำงานได้ช้าลง
วิธีป้องกัน iPhone จากอุณหภูมิสูง
- หลีกเลี่ยงการใช้งาน iPhone ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 35 องศา
- ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ขณะใช้งานเกมหรือแอปพลิเคชันหนัก ๆ เพราะจะทำให้เครื่องร้อนเร็ว
- เมื่อรู้สึกว่าเครื่องร้อนเกินไป ให้ปิดแอปที่ไม่ได้ใช้งานหรือพักการใช้งานสักครู่จนกว่าเครื่องจะเย็นลง
3. ทำความสะอาดหน้าจอและตัวเครื่องอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาความสะอาดของ iPhone จะช่วยให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอและยังช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปทำลายส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง
วิธีทำความสะอาด iPhone อย่างถูกวิธี
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่มเช็ดหน้าจอเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือน้ำสะอาดหมาด ๆ แทนสารเคมีที่แรงเกินไป
- ไม่ควรใช้สเปรย์หรือเจลโดยตรงบนหน้าจอหรือพอร์ตเชื่อมต่อ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
4. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
การดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่รู้จักอาจทำให้เครื่องติดไวรัสหรือได้รับการแฮ็ก (Hack) ข้อมูลส่วนตัว
วิธีดาวน์โหลดแอปอย่างปลอดภัย
- ดาวน์โหลดแอปจาก App Store เท่านั้น เพราะแอปใน App Store จะผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจาก Apple
- ตรวจสอบรีวิวและความนิยมของแอปก่อนดาวน์โหลดเพื่อให้แน่ใจว่าแอปที่คุณต้องการใช้นั้นมีความน่าเชื่อถือ
5. ใช้อุปกรณ์เสริมที่ได้รับการรับรองจาก Apple
การใช้อุปกรณ์เสริมที่ได้รับการรับรองจาก Apple เป็นวิธีสำคัญในการป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของ iPhone ให้ทนทาน เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพตามข้อกำหนดของ Apple ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาหลายประการ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ความร้อนสะสม หรือการทำงานที่ไม่เสถียร ส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในของ iPhone เสียหายเร็วขึ้น และอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม
วิธีการเลือกใช้อุปกรณ์เสริมที่ปลอดภัยสำหรับ iPhone
- ตรวจสอบสัญลักษณ์ MFI (Made for iPhone) อุปกรณ์เสริมที่มีสัญลักษณ์ MFI หมายถึงผ่านการรับรองมาตรฐานจาก Apple ว่าปลอดภัยต่อการใช้งาน โดยสัญลักษณ์นี้จะมีบนอุปกรณ์ เช่น สายชาร์จ, เคส, หูฟัง ซึ่งมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อทำงานกับ iPhone อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้อุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดย Apple อุปกรณ์เสริมที่ผลิตโดย Apple เช่น สายชาร์จแท้ เคสแท้ และหูฟัง EarPods ได้รับการออกแบบและทดสอบเพื่อใช้งานร่วมกับ iPhone โดยเฉพาะ ทำให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดความร้อนและความเสียหาย
- ระวังอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการรับรอง อุปกรณ์เสริมที่มีราคาถูกหรือไม่ได้รับการรับรองจาก Apple แม้จะมีดีไซน์ที่คล้ายกัน แต่อาจใช้วัสดุและการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยได้ โดยเฉพาะการใช้สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและทำให้แบตเตอรี่บวม
6. ลงทุนกับเคสและฟิล์มที่มีคุณภาพ
การเลือกใช้เคสและฟิล์มกันรอยที่มีคุณภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและช่วยป้องกัน iPhone ของคุณจากการกระแทก รอยขีดข่วน และความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เคสและฟิล์มที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ iPhone ให้ยาวนานขึ้น และยังรักษารูปทรงและคุณภาพภายนอกให้คงสภาพดีอยู่เสมอ
ประโยชน์ของการใช้เคสและฟิล์มที่มีคุณภาพ
- การป้องกันจากการตกหล่น เคสที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะเคสที่ผลิตจากวัสดุซิลิโคนหรือพลาสติกแบบ TPU และ Polycarbonate สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่เกิดกับขอบหรือด้านหลังของ iPhone เมื่อเกิดการตกหล่น
- ลดรอยขีดข่วนบนหน้าจอ ฟิล์มกันรอยหรือกระจกนิรภัย (tempered glass) จะช่วยปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน เช่น การสัมผัสกับของแข็งหรือคม หรือการเก็บ iPhone ในกระเป๋าร่วมกับสิ่งของอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยรักษาความใสของหน้าจอและลดรอยขนแมว
- ป้องกันรอยนิ้วมือและคราบสกปรก ฟิล์มที่มีคุณภาพสูงมักมีการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ (oleophobic coating) ช่วยลดคราบน้ำมันและรอยนิ้วมือบนหน้าจอ ทำให้หน้าจอดูสะอาดและไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง
เคล็ดลับในการเลือกเคสและฟิล์มที่เหมาะสม
- เลือกเคสที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ หากต้องการการป้องกันสูง ควรเลือกเคสที่มีขอบยางซับแรงกระแทก หรือตัวเคสที่มีขอบยื่นออกมาสูงกว่าหน้าจอเล็กน้อย เพื่อช่วยปกป้องหน้าจอเมื่อวางคว่ำบนพื้นผิว หากต้องการเคสที่เบาและบาง ให้เลือกเคสแบบ slim ที่ยังให้การป้องกันพื้นฐานได้
- เลือกฟิล์มที่เข้ากับหน้าจอ iPhone ควรเลือกฟิล์มที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่น เพื่อให้ฟิล์มพอดีกับหน้าจอทั้งหมด และไม่บดบังกล้องหน้า สำหรับผู้ที่ต้องการความแข็งแรงสูง แนะนำใช้ฟิล์มกระจกนิรภัยที่ป้องกันการกระแทกได้ดีกว่าแบบฟิล์มใสทั่วไป
การดูแล iPhone ให้ใช้งานได้นานอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากคุณทำตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลแบตเตอรี่ หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง ตั้งค่าความปลอดภัย และเลือกใช้อุปกรณ์เสริมที่มีมาตรฐาน จะช่วยให้ iPhone ของคุณยังคงดูใหม่ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
Tags: iPhone, iPhoneปลอดภัย, iPhoneให้ใช้งานได้ยาวนาน, MyPassionMyiPhone, ดูแลiPhone, ดูแลมือถือ, ถนอมiPhone, ป้องกันการเสื่อมสภาพ, ฟิล์มกันรอยiPhone, วิธีถนอมแบตเตอรี่, อุปกรณ์เสริมiPhone, เคล็ดลับiPhone, เคล็ดลับมือถือ, เคสiPhoneคุณภาพ, เทคนิคการชาร์จ, แบตเตอรี่อึด